นักท่องเที่ยวอิสราเอล ยอมมอบตัว หลังทำวุ่น หนีออกนอก รร. ก่อนพบติดโควิด

นักท่องเที่ยวอิสราเอล ยอมมอบตัว หลังทำวุ่น หนีออกนอก รร. ก่อนพบติดโควิด

นักท่องเที่ยวอิสราเอล ที่ป่วยเป็นโควิดและหนีออกจากโรงแรม ได้ติดต่อขอมอบตัวแล้ว พบติดโควิด เดลต้า ไม่ใช่โอมิครอน พันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาเปิดเผยถึงกรณีที่ นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลที่ถูกพบว่าป่วยว่าเป็นโควิด-19 และหลบหนีออกจากโรงแรมขณะรอผลตรวจโควิดนั้น ได้ ต่อผ่านสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ขอเข้ามอบตัวที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีในวันนี้

โดยรองโฆษกสำนักงาน ตร.แห่งขาติระบุว่า พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข 

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับให้ตำรวจทั่วประเทศ เน้นย้ำกับเจ้าของโรงแรม ที่พักต่าง ๆ หากพบกรณีลักษณะนี้ ให้แจ้งตำรวจพื้นที่ทันที เพื่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอศาลออกหมายจับและติดตามตัว ส่วนตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจท่องเที่ยว จะต้องเร่งพิสูจน์ทราบและดำเนินการจับกุม

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ นักท่องเที่ยวคนดังกล่าวได้เดินทางเข้าด้วยระบบ Test&Go และหายตัวไปในวันที่ 17 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับเขามาถึง จากการตรวจสอบพบว่า

เรียกรถแท็กซี่โดยสารจากโรงแรม ย่านสุขุมวิท ไปยังโรงแรมแห่งหนึ่ง เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี โดยทางโรงแรมได้มีการขอตรวจสอบเอกสารการเดินทาง และเอกสารการตรวจโควิด แต่หนุ่มอิสราเอลรายนี้ ไม่ยอมแสดงเอกสารการเดินทาง ดังนั้น เจ้าหน้าที่ของโรงแรม จึงได้ปฏิเสธการให้เข้าพัก ทำให้ผู้ติดเชื้อรายนี้ ยังคงท่องเที่ยวอยู่ในเมืองพัทยา จนกระทั่งถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2564 จากนั้นจึงได้เดินทางกลับเข้ามาที่กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ชายคนดังกล่าวได้ ได้เช่ารถตู้โตโยต้า ยี่ห้ออัลพาร์ด สีดำ เดินทางไปยังพื้นที่ภาคใต้ ทั้งนี้ จากการสืบสวนพบเบาะแสอีกครั้งเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ปรากฎภาพของชายคนดังกล่าว ก่อนที่ที่จังหวัดชุมพร ก่อนที่จะเดินทางไปยังเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนั้น นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันด้วยว่าผลตรวจโควิดที่ออกมาเป็นโควิดเดลต้าไม่ใช่โอมิครอนแต่อย่างใด

เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว เจอเซอร์ไพรส์ ลุงขี่ซาเล้ง ลูกค้าประจำ วันก่อนเห็นเดินขากะเผลก วันนี้มามาดใหม่พร้อมสั่งเกาหลา ก่อนเฉลย ตำรวจปลอมตัว มา เรื่องราวสุดเซอร์ไพรส์นี้ เริ่มจากวันแรก 11 ธ.ค.64 ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ น้าลั่น เนื้อตุ๋นปลาเด้ง ได้โพสต์ภาพคุณลุงขี่รถซาเล้งมานั่งทานอาหารที่ร้าน โดยได้ขอแชะภาพคุณลุงเอาไว้ พร้อมกับลงแคปชั่นว่า “แม้ว่าคุณตาจะขี่ซาเล้งรับงานทั่วไปบางวันได้ไม่ถึง 300 แต่คุณตาก็มากินเกาเหลาที่ร้านผมเป็นประจำ 80 บาท คุณตาบอกคุ้มค่ากับความอร่อย #คุณตาคนจริง”

หลังจากนั้น คุณลุงในสภาพเสื้่อผ้ามอมแมมนี้ก็ยังขี่ซาเล้งเพื่อเดินทางมากินก๋วยเตี๋ยวของที่ร้านนี้อีก 2 ครั้ง กระทั่งหนที่สี่ซึ่งเที่ยวนี้การกลับมาของคุณลุงเล่นเอาเจ้าของร้านถึงกับไปไม่เป็น เพราะรอบบนี้คุณลุงซาเล้ง ไม่ได้มมาในเสื้อผ้าที่เปอระเปื้อน หลุดลุ่ยอีกต่อไป แถมยิ่งไปกว่านั้นยังสวมชุดสีกากี พร้อมดาวบนผ่า มาแบบเต็มยศเสียด้วย

โดยเจ้าของร้านก็ได้ขอถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ก่อนนำมาโพสต์บนโลกออนไลน์ พร้อมข้อความว่า “ไปไม่เป็นเลยผมเที่ยงนี้555 วันก่อนยังขับซาเล้งเดินขากระเผลกอยู่เลย วันนี้มาอย่างสมาร์ทในฐานะร้อยตำรวจโท ทีแรกผมนึกว่างานเข้าที่แท้เกาเหลาชามนึง”

ผวา! ยอดผู้ป่วยโควิดโอมิครอนไทย ทะลุ 100 รายแล้ว

กระทรวงสาธารณสุขเผยว่าในขณะนี้ ยอดผู้ป่วยโควิดโอมิครอนไทย อยู่ที่ 104 ราย ผลยืนยัน 27 ราย ขณะที่ยอดผู้ป่วยใหม่ต่อวันลดอย่างต่อเนื่อง พญ.สุมณี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ออกมารายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงการแพร่ระบาดของโควิดโอมิครอน

โดยทางกระทรวงสาธารณสุขระบุว่าในขณะนี้พบผู้ป่วยโอมิครอนแล้ว 104 ราย ผลยืนยัน 27 ราย

ส่วนภาพรวมนั้น พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,532 ราย ประกอบด้วย ผู้ติดเชื้อในประเทศจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 2,393 ราย จากการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 50 ราย และจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 48 ราย ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 41 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อเข้าข่ายด้วยการตรวจ ATK 788 ราย เสียชีวิต 31 ราย

จากการค้นพบในครั้งนี้ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสม ตั้งแต่ต้นปี 63 จนถึงล่าสุดอยู่ที่ 2,199,061 ราย โดยมีผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มขึ้น 3,191 ราย ยอดเสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 21,471 ราย

กระทรวงสาธารณสุข เห็นชอบ ฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มสี่ ให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เจ้าหน้าที่แพทย์ รอยื่นเสนอต่อ อนุทิน รับทราบต่อไป

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้กล่าวภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ว่าเบื้องต้นที่ประชุมได้เห็นชอบเดินหน้าฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มที่สี่ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า รวมถึงผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงที่รับวัคซีนเข็มสามมาแล้วสามเดือน